วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประสบการณ์การเผชิญหน้ากับผีโดยตรง

ประสบการณ์การเผชิญหน้ากับผีโดยตรง

เมื่อ2-3 ปีก่อนเคยไปฝึกนั่งวิปัสสนากรรมฐานที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่ามีคนเห็นวิญาณออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ โดยส่วนมากจะเห็นบ่อยที่ชั้นสองซึ่งเป็นที่พักรวมของผู้ที่มาปฎิบัติธรรมชาย ก่อนที่จะเข้าไปฝึกประมาณ 2 วัน ก็ได้ยินว่าคนที่เข้าไปปฎิบัติสมาธิพอตกกลางคืนเห็นมีคนเดินผ่านไปมาที่หอนอนบ่อยๆ  ก็รู้สึกเสียวๆอยู่เหมือนกัน แต่คิดอีกที เราจะไปปฎิบัติทำสมาธิแล้วยังจะกลัวอีก ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ
หลังจากนั้นฉันก็เข้าไปอบรมกับเพื่อน 2 คน วันแรกที่ไป ทางวัดก็จะให้ลงทะเบียนและสอนวิธีการนั่ง เดิน ยืน และการสำรวมในอิริยาบถต่างๆ และให้แนววิธีการปฎิบัติมา ซึ่งเราสองคนตื่นเต้นมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มาปฎิบัติตามแนวทางวิปัสสนากรรมฐาน ในวันแรกเราจึงทำอย่างเคร่งครัดตามตารางที่ทางวัดจัดมาให้  ฉันเห็นทุกคนที่มาปฎิบัติฝึกตนกันอย่างจริงจัง แม้แต่ในเวลากินข้าว กว่าจะกินได้ในแต่ละช้อนก็ต้องกำหนดตลอดเวลา ซึ่งฉันนึกชมคนที่ทำกัน
ในวันแรกฉันกับเพื่อนก็นั่ง ยืน เดิน  แต่ไม่กล้านอนหรือพัก เพราะกลัวจะถูกตำหนิ ทำให้เหนื่อยมากแข้งขาล้า ปวดเมื่อย จนนึกถึงที่นอน พอตกตอนเย็นทำวัตรเย็นเสร็จ ก็ภาวนาอยากจะให้ถึง 4 ทุ่มเร็วๆจะได้พักบ้าง  แต่รู้สึกว่ายิ่งเร่งเวลาเท่าไหร่เวลามันก็เหมือนจะหยุดอยู่กับที่ ในที่สุด 4 ทุ่มก็มาถึง ในรอบที่เราไปกันนั้นเผอิญมีคนเข้ามาปฎิบัติมาก หอนอนจึงไม่พอนอน พระอาจารย์ที่อยู่ดูแลเลยบอกว่า ให้เรานอนในโบสถ์ เรารู้สึกดีใจเพราะว่ามีความรู้สึกว่า ในโบสถ์ คงจะไม่มีอะไรเข้าไปได้ และพระอาจารย์ก็ให้ฉันทำหน้าที่ปิดไฟ ปิดโบสถ์ ตอนที่เดินปิดประตูปิดไฟรอบโบสถ์นี่ซิ บรรยากาศช่างวังเวงยังไงชอบกล รอบตัวโบสถ์ดูเงียบสงัดจนได้ยินแม้แต่เสียงเท้าของตัวเอง ในใจตอนนั้นก็นึกหวั่นๆ ได้แต่ภาวนาอย่าให้เห็นหรือได้ยินอะไรเลย  เพื่อนฉันที่มาด้วยกันบอกว่าดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ ฉันทำใจดีแกล้งตอบเพื่อนว่า ไม่เห็นน่ากลัวเลย ไม่มีอะไรหรอก!”
แล้วพวกเราก็เข้าไปนอนในโบสถ์กัน พอหัวถึงหมอนฉันหลับไปด้วยความอ่อนเพลียผสมความเครียดนิดๆ พอหลับไปได้ซักพัก มีความรู้สึกลางเลือนเหมือนได้ยินเสียงคนหัวเราะหรือร้องไห้ไม่แน่ใจ นึกในใจ เอนี่เราหลับหรือตื่นกันแน่เนี่ยถึงได้ยินเสียง เลยลืมตาขึ้นมาดู เห็นเป็นเงารางๆว่ามีผู้หญิงผมยาวนั่งหวีผมต่อหน้าพระประธาน ในใจนึกขึ้นมาว่า !โอ้โหขนาดในโบสถ์ยังเข้ามาได้ แสดงว่าวิญาณที่เฮี้ยนจริงๆ  ใจก็นึก ไอ้หยา นี่ฉันเจอกับตัวเองหรือนี้ แล้วจะทำยังไงดี จะนอนต่อหรือตื่นขึ้นมาคุยกับเขาดีเหมือนกับหนังที่เคยดูมา  กำลังลังเลว่าจะเอายังไงดี จะปลุกเพื่อนดีหรือจะแกล้งหลับดี เพราะดันไปนึกถึงหนังสยองขวัญได้เป็นฉากๆ แต่แล้วเหมือนมีระฆังช่วยชีวิต เพื่อนที่มาด้วยกัน พูดขึ้นมาว่า นี่เห็นเหมือนอย่างที่เขาเห็นไหม ฉันก็ตอบด้วยเสียงที่ข่มความกลัวนิดๆว่าเห็นเหมือนกัน เพื่อนจึงบอกว่า แปลกคนจริงไม่รู้จักหลับจักนอน นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ได้ โอ้ยโล่งอกคนหรือนั่น ไอ้ฉันก็คิดเตลิดไปแล้วว่าเป็นอย่างอื่น....ที่ไม่ใช่คน ใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง พอตอนเช้าฉันกับเพื่อนเลยตื่นขึ้นมาจะดูว่า เธอคนนั้นเป็นใครกัน? ก็มีคนมาถามว่าเมื่อคืนได้ยินเสียงอะไรไหม๊ เพราะคนนอนที่หอนอนบอกว่าเมื่อคืนเสียงหมาหอนน่ากลัวจริงๆ มีคนลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ เห็นผู้หญิงเดินผ่านตอนแรกก็ไม่ติดใจอะไร แต่พอก้มลงไปดูที่เท้าก็เห็นว่า ขาของเธอไม่ได้แตะพื้น คนที่เห็นนั้นเลยไม่เข้าห้องน้ำ รีบกลับมาที่นอนแล้วสวดมนต์ต่อเลย ฉันได้ยินแล้วก็อยากจะบอก ฉันก็อยากจะบอกว่าเจอเหมือนกัน แต่เจอคนหลอก ฮึ ฮึ ฮึ